Close Menu
    Facebook X (Twitter) Instagram
    kitchen-thailand
    • Home
    • ข่าวสารล่าสุด
    • ความบันเทิง
    kitchen-thailand
    ข่าวสารล่าสุด

    หาก สายตาสั้น ควรใส่แว่นเมื่อไหร่

    Daniel WalkerBy Daniel WalkerJune 18, 2025No Comments2 Mins Read

    สายตาสั้น หรือที่รู้จักในทางการแพทย์ว่า “myopia” คือภาวะที่ผู้ป่วยมองเห็นวัตถุที่อยู่ไกลไม่ชัดเจน แต่ยังสามารถมองเห็นวัตถุที่อยู่ใกล้ได้ปกติ หลายคนสงสัยว่าเมื่อใดควรเริ่มใส่แว่นตาเมื่อเป็นสายตาสั้น ควรใส่แว่นตาตลอดเวลาหรือเฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น? บทความนี้จะอธิบายถึงสัญญาณที่บ่งบอกว่าควรใส่แว่นตา ผลเสียจากการไม่ใส่แว่น และคำแนะนำในการดูแลสุขภาพตา

    สัญญาณที่บอกว่าคุณควรใส่แว่นตา

    ไม่ใช่ทุกคนที่มีสายตาสั้นจะต้องใส่แว่นทันที สัญญาณต่อไปนี้อาจบอกได้ว่าถึงเวลาที่คุณควรเริ่มใส่แว่นตาแล้ว:

    1. มองเห็นภาพไกลไม่ชัด
      ถ้าคุณมักจะเพ่งหรือมองเห็นข้อความบนกระดานดำ ป้ายจราจร หรือหน้าจอโทรทัศน์ไม่ชัดจากระยะปกติ นั่นคือสัญญาณว่าสายตาสั้นเริ่มรบกวนกิจกรรมประจำวันของคุณ
    2. ปวดหัวหรือรู้สึกตาล้า
      สายตาสั้นที่ไม่ได้รับการแก้ไขอาจทำให้กล้ามเนื้อตาเกร็งมากขึ้น ทำให้เกิดอาการปวดหัว ตาล้า หรือเวียนศีรษะหลังจากทำกิจกรรมเป็นเวลานาน
    3. ขับรถตอนกลางคืนลำบาก
      สายตาสั้นในเวลากลางคืน (night myopia) อาจเป็นอันตรายโดยเฉพาะเวลาขับรถ หากคุณมองเห็นถนนหรือไฟรถจากระยะไกลไม่ชัด ควรตรวจสุขภาพตาโดยด่วน
    4. ถูตาบ่อยๆ
      นิสัยถูตาบ่อยอาจบ่งบอกว่าตาล้าจากการเพ่งมองสิ่งที่อยู่ไกล หากปล่อยไว้อาจทำให้สายตาสั้นแย่ลงได้

    ควรใส่แว่นตาตลอดเวลาหรือไม่?

    การใส่แว่นตาตลอดเวลาขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของสายตาสั้น:

    • สายตาสั้นเล็กน้อย (0.5D – 1.5D)
      ไม่จำเป็นต้องใส่แว่นตาตลอดเวลา แต่ควรใส่เมื่อจำเป็น เช่น ขณะขับรถ ดูหนัง หรือมองกระดานดำ
    • สายตาสั้นปานกลาง (1.5D – 3.0D)
      ควรใส่แว่นบ่อยขึ้น โดยเฉพาะขณะทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือทำงานหน้าจอ เพื่อป้องกันอาการตาล้า
    • สายตาสั้นมาก (มากกว่า 3.0D)
      แนะนำให้ใส่แว่นตาตลอดวัน เนื่องจากการมองเห็นระยะไกลถูกจำกัดอย่างมาก หากไม่ใส่แว่นจะเพิ่มความเสี่ยงต่ออาการตาล้าและปวดหัว

    ผลเสียจากการไม่ใส่แว่นตาขณะมี สายตาสั้น

    บางคนไม่อยากใส่แว่นเพราะกังวลเรื่องรูปลักษณ์หรือความไม่สบาย แต่การไม่แก้ไขสายตาสั้นอย่างถูกต้องอาจทำให้เกิด:

    • สายตาสั้นแย่ลง
      แม้จะมีข้อถกเถียงว่าสายตาสั้นจะเลวร้ายขึ้นหรือไม่ถ้าไม่ใส่แว่น แต่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เห็นว่าการบังคับให้ตาทำงานหนักอยู่ตลอดเวลาจะเร่งให้สายตาสั้นแย่ลง โดยเฉพาะในเด็ก
    • เกิดสายตาเอียง (Astigmatism)
      การเพ่งมองจากมุมที่ไม่เหมาะสมหรือการหรี่ตาบ่อยๆ อาจทำให้เกิดปัญหาสายตาเพิ่มเติม เช่น สายตาเอียง
    • ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
      การมองเห็นไม่ชัดเจนอาจทำให้สมาธิและความสามารถในการเรียนหรือทำงานลดลง รวมถึงการทำกิจกรรมกลางแจ้งก็ได้รับผลกระทบ

    คำแนะนำในการดูแลสายตาสั้น

    เพื่อป้องกันไม่ให้สายตาสั้นแย่ลง ควรปฏิบัติดังนี้:

    ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำทุก 6-12 เดือน เพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลงของสายตา

     ใช้แว่นตาที่ได้รับการสั่งจ่ายตามคำแนะนำของจักษุแพทย์ เพื่อให้การมองเห็นชัดเจนที่สุด

     ให้เวลาตาได้พักจากการมองหน้าจอ โดยใช้กฎ 20-20-20 คือ ทุก 20 นาที มองไปที่วัตถุที่อยู่ห่าง 20 ฟุต เป็นเวลา 20 วินาที

     หลีกเลี่ยงการอ่านในที่แสงน้อย เพราะจะทำให้ตาต้องทำงานหนักขึ้น

     รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น อาหารที่มีวิตามิน A (แครอท ผักโขม), โอเมก้า-3 (ปลา), และสารต้านอนุมูลอิสระ (เบอร์รี่) เพื่อช่วยบำรุงสุขภาพตา

    5. ทำไมไม่ควรละเลยสายตาสั้นแม้เพียงเล็กน้อย?

    หลายคนคิดว่า “สายตาสั้นเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องใส่แว่นก็ได้” ซึ่งในบางกรณีอาจเป็นจริง แต่หากละเลยไปนาน ๆ อาจเกิดผลเสียตามมา เช่น:

    • ความล้าของดวงตา: การเพ่งนาน ๆ โดยไม่มีการแก้ไขสายตาจะทำให้กล้ามเนื้อตาอ่อนล้า เกิดอาการปวดเบ้าตา หรือปวดหัวเรื้อรัง
    • พฤติกรรมชดเชยที่ผิด: เช่น การหยีตาบ่อย ๆ หรือเอียงศีรษะ ทำให้เกิดอาการปวดคอ ปวดหลังในระยะยาว
    • สายตาสั้นลุกลามเร็ว: โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่น หากไม่ใส่แว่นตามความเหมาะสม อาจทำให้ค่าสายตาเพิ่มขึ้นเร็วกว่าปกติ

    6. ควรเลือกแว่นสายตาแบบใด?

    การเลือกแว่นที่เหมาะสมไม่ใช่แค่เรื่องของแฟชั่น แต่ควรพิจารณาความเหมาะสมกับการใช้งานด้วย:

    • เลนส์: เลือกเลนส์ที่เหมาะกับค่าสายตา เช่น เลนส์บางพิเศษสำหรับสายตาสั้นมาก, เลนส์กรองแสงสีฟ้าสำหรับผู้ใช้คอมพิวเตอร์บ่อย
    • กรอบ: ควรเลือกกรอบที่เบาและพอดีใบหน้า ไม่กดจมูกหรือหลุดง่าย
    • โครงสร้างเลนส์: หากมีค่าสายตาไม่เท่ากันในสองข้าง ควรแจ้งช่างแว่นอย่างละเอียด เพื่อการตัดเลนส์ที่สมดุล

    7. เด็กเล็กควรใส่แว่นหรือไม่?

    สำหรับเด็ก การใส่แว่นเมื่อเริ่มสายตาสั้นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากปล่อยให้มองไม่ชัดเป็นเวลานาน อาจเกิดภาวะ:

    • ตาขี้เกียจ (Amblyopia): สมองจะไม่พัฒนาเส้นทางการมองเห็นของตาข้างที่เบลอ ทำให้มองไม่ชัดถาวร แม้ใส่แว่นในภายหลัง
    • สายตาสั้นเพิ่มขึ้นเร็ว: หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสม
    • พัฒนาการด้านการเรียนถดถอย: เพราะมองไม่ชัดในห้องเรียน ไม่สามารถอ่านหนังสือหรือดูสื่อการสอนได้เต็มที่

    8. สายตาสั้นสามารถป้องกันหรือชะลอได้หรือไม่?

    แม้ว่าแนวโน้มของสายตาสั้นจะมีปัจจัยทางพันธุกรรม แต่พฤติกรรมก็มีผลอย่างมาก โดยสามารถชะลอการลุกลามได้ด้วยวิธีต่อไปนี้:

    • ใช้สายตาอย่างเหมาะสม: เช่น กฎ 20-20-20 (มองไกล 20 ฟุต ทุก 20 นาที เป็นเวลา 20 วินาที)
    • ลดเวลาหน้าจอ: โดยเฉพาะในเด็กควรจำกัดเวลาเล่นหน้าจอไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน
    • ออกนอกบ้าน: แสงธรรมชาติช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดสายตาสั้นในเด็ก
    • ตรวจวัดสายตาสม่ำเสมอ: อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือทันทีเมื่อมีอาการผิดปกติ

    หากคุณต้องการให้ดำเนินต่อในหัวข้อเพิ่มเติม เช่น

    • เปรียบเทียบระหว่างแว่นตาและคอนแทคเลนส์
    • เทคโนโลยีการผ่าตัดรักษาสายตาสั้น
    • คำแนะนำการดูแลแว่นและสุขอนามัยดวงตา

    9. แว่นตา vs คอนแทคเลนส์: ทางเลือกสำหรับผู้มีสายตาสั้น

    การแก้ไขสายตาสั้นไม่ได้จำกัดเพียงแค่การใส่แว่น ผู้ที่ต้องการทางเลือกอื่นสามารถพิจารณาใช้คอนแทคเลนส์ หรือในบางกรณี การผ่าตัดแก้ไขสายตา โดยเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียได้ดังนี้:

    ปัจจัยแว่นตาคอนแทคเลนส์
    ความสะดวกใส่ง่าย ถอดง่ายต้องล้างและดูแลอย่างถูกวิธี
    ความชัดเจนอาจมีภาพบิดเบี้ยวรอบขอบเลนส์ให้มุมมองรอบทิศทางคมชัดกว่า
    ความปลอดภัยปลอดภัย ไม่สัมผัสดวงตาโดยตรงเสี่ยงติดเชื้อหากไม่ดูแลอย่างถูกต้อง
    การใช้งานกีฬาอาจหลุดหรือแตกเหมาะสำหรับกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหว
    ราคาและการดูแลค่าตัดแว่นครั้งเดียว ใช้ได้นานต้องเปลี่ยนบ่อยและมีค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง

    ทั้งนี้การเลือกใช้งานควรขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ ความสะดวก และคำแนะนำของจักษุแพทย์


    10. การผ่าตัดเลเซอร์แก้ไขสายตาสั้น

    สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการพึ่งพาแว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ มีเทคโนโลยีผ่าตัดเลเซอร์ เช่น LASIK, PRK, หรือ ReLEx SMILE ที่สามารถแก้ไขสายตาสั้นได้อย่างถาวร (ในกรณีที่เหมาะสม)

    ข้อควรรู้ก่อนผ่าตัด:

    • ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป และค่าสายตาคงที่ไม่น้อยกว่า 1 ปี
    • ไม่มีโรคตา เช่น กระจกตาบาง ต้อกระจก หรือตาแห้งรุนแรง
    • ต้องผ่านการประเมินโดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

    แม้ผลลัพธ์มักจะดี แต่การผ่าตัดมีความเสี่ยง เช่น แสงสะท้อนตอนกลางคืน หรือภาวะตาแห้งหลังผ่าตัด จึงควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์อย่างรอบคอบ


    11. การดูแลแว่นตาและสุขภาพดวงตา

    การดูแลแว่นให้สะอาดและอยู่ในสภาพดีมีผลต่อคุณภาพการมองเห็น:

    • ทำความสะอาดแว่นด้วยน้ำเปล่าและผ้าเช็ดเลนส์ที่เหมาะสม
    • หลีกเลี่ยงการใช้กระดาษทิชชู่หรือผ้าหยาบเช็ดเลนส์
    • ไม่วางแว่นหงายเลนส์ลงบนพื้นผิวแข็ง
    • เก็บแว่นไว้ในกล่องเมื่อไม่ใช้งาน
    • หมั่นตรวจวัดสายตา หากใส่แล้วรู้สึกไม่ชัดหรือปวดตา

    สุขภาพตาก็ต้องการการดูแลเช่นกัน เช่น การพักสายตาระหว่างใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การกินอาหารที่มีวิตามินเอ และการป้องกันดวงตาจากรังสี UV

    12. ป้องกันสายตาสั้นตั้งแต่เนิ่น ๆ ได้อย่างไร?

    แม้ปัจจัยด้านพันธุกรรมจะมีบทบาทในพัฒนาการของสายตาสั้น แต่พฤติกรรมในชีวิตประจำวันก็สามารถช่วยชะลอหรือป้องกันได้ โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่น

    แนวทางการป้องกันที่แนะนำ:

    • ให้เด็กใช้เวลาเล่นกลางแจ้งอย่างน้อยวันละ 2 ชั่วโมง
      แสงธรรมชาติมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการยืดยาวของลูกตา ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของสายตาสั้น
    • จำกัดการใช้อุปกรณ์ดิจิทัลโดยเฉพาะในเด็กก่อนวัยเรียน
      การจ้องหน้าจอใกล้ ๆ เป็นเวลานานจะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดสายตาสั้น
    • ฝึกพฤติกรรมที่ดีในการอ่านหนังสือหรือทำการบ้าน
      เช่น อ่านหนังสือโดยเว้นระยะห่างอย่างน้อย 30 เซนติเมตร และอยู่ในบริเวณที่มีแสงสว่างเพียงพอ
    • พักสายตาเป็นระยะ
      ใช้กฎ “20-20-20”: ทุก 20 นาที มองสิ่งที่อยู่ห่างออกไป 20 ฟุต (ประมาณ 6 เมตร) เป็นเวลาอย่างน้อย 20 วินาที

    13. บทบาทของผู้ปกครองและโรงเรียนในการดูแลสายตาเด็ก

    การเฝ้าระวังและส่งเสริมพฤติกรรมที่ดีเกี่ยวกับสุขภาพสายตา ไม่สามารถพึ่งพาเด็กเพียงลำพังได้ จำเป็นต้องมีบทบาทจากผู้ใหญ่และสภาพแวดล้อมร่วมด้วย

    บทบาทของผู้ปกครอง:

    • สังเกตพฤติกรรมที่อาจบ่งชี้ถึงปัญหาสายตา เช่น เดินสะดุดบ่อย ใกล้สิ่งของก่อนจึงเห็นชัด หรือหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้การมองไกล
    • จัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ให้เหมาะสม เช่น แสงสว่างเพียงพอ และการจำกัดเวลาอยู่หน้าจอ
    • พาเด็กไปตรวจสายตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

    บทบาทของโรงเรียน:

    • ตรวจสุขภาพสายตาประจำปีร่วมกับหน่วยแพทย์หรือจักษุแพทย์
    • สร้างความตระหนักรู้ในหมู่นักเรียนและครูเกี่ยวกับความสำคัญของการดูแลสายตา
    • ปรับตำแหน่งที่นั่งในห้องเรียนให้เหมาะสมกับเด็กที่มีปัญหาสายตา

    14. ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการใส่แว่นสายตา

    มีความเชื่อผิด ๆ หลายประการที่อาจทำให้ผู้ที่สายตาสั้นไม่กล้าใส่แว่นหรือหลีกเลี่ยงการแก้ไขสายตา เช่น:

    • “ใส่แว่นแล้วจะทำให้สายตายิ่งสั้นลง”
      จริง ๆ แล้ว การใส่แว่นช่วยให้การมองเห็นเป็นปกติ ไม่ใช่สาเหตุของการที่ค่าสายตาเพิ่มขึ้น
    • “เด็กไม่ควรใส่แว่น เพราะจะติดแว่นไปตลอดชีวิต”
      ความจริงคือ การใส่แว่นตั้งแต่เด็กช่วยป้องกันภาวะตาขี้เกียจและควบคุมการลุกลามของสายตาสั้นได้
    • “ใส่แว่นแล้วดูไม่ดี”
      ปัจจุบันมีแว่นตาหลากหลายรูปแบบให้เลือกตามบุคลิก และสามารถเป็นอุปกรณ์เสริมบุคลิกได้ด้วย
    หาก สายตาสั้น ควรใส่แว่นเมื่อไหร่
    Daniel Walker

    Related Posts

    ดิสนีย์ เวิลด์ดรีมเวเคชั่น การผจญภัยอันมหัศจรรย์สำหรับทุกวัย

    June 28, 2025

    Glamping: การพักผ่อนท่าม กลางธรรมชาติ พร้อมสัมผัสแห่งความหรูหรา

    June 26, 2025

    ชายหาด ที่สวยที่สุดในประเทศไทยและวิธีเพลิดเพลินไปกับชายหาดเหล่านี้

    June 24, 2025

    Comments are closed.

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.