Close Menu
    Facebook X (Twitter) Instagram
    kitchen-thailand
    • Home
    • ข่าวสารล่าสุด
    • ความบันเทิง
    • สุขภาพ
    kitchen-thailand
    สุขภาพ

    บริเวณ ร่างกาย ที่มีความเสี่ยงสูงและอันตรายหากถูกเศษแหลมทิ่มแทง

    Daniel WalkerBy Daniel WalkerAugust 29, 2025No Comments2 Mins Read

    อุบัติเหตุจากเศษแหลมหรือวัตถุมีคม เช่น ร่างกาย เศษไม้ เศษแก้ว ตะปู หรือโลหะสนิม เกิดขึ้นได้ง่ายในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะจากการทำงานบ้าน การทำสวน การก่อสร้าง หรือแม้แต่ในสถานที่ทำงาน แม้แผลจากการถูกทิ่มแทงจะดูเหมือนเล็ก แต่หากเกิดขึ้นในบริเวณสำคัญของร่างกายก็อาจนำไปสู่ความเจ็บปวดรุนแรง ภาวะแทรกซ้อน หรืออันตรายถึงชีวิตได้

    บทความนี้จะอธิบายถึงบริเวณของร่างกายที่มีความเสี่ยงสูงหากถูกเศษแหลมทิ่มแทง พร้อมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้น วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และแนวทางการป้องกัน


    ทำไมการถูกเศษแหลมทิ่มแทงจึงอันตราย

    การบาดเจ็บจากของแหลมไม่เพียงสร้างบาดแผลที่ผิวหนัง แต่ยังสามารถแทงทะลุเข้าไปในเนื้อเยื่อ เส้นประสาท เส้นเลือด หรืออวัยวะภายในได้โดยตรง ผลลัพธ์คือการเสียเลือด การติดเชื้อ และความเสียหายที่บางครั้งไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่า นอกจากนี้วัตถุที่มีสนิมหรือไม่สะอาดยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อบาดทะยัก ซึ่งอาจเป็นอันตรายร้ายแรง


    บริเวณร่างกายที่มีความเสี่ยงสูง

    1. ดวงตา

    ความเสี่ยง:
    ดวงตาเป็นอวัยวะที่บอบบางที่สุด หากถูกเศษแหลม เช่น เศษแก้ว เศษโลหะ หรือเศษไม้ทิ่มแทง อาจทำให้กระจกตาฉีกขาด เสียการมองเห็นชั่วคราวหรือถาวรได้

    อันตราย:

    • การบาดเจ็บของกระจกตา
    • การทะลุของลูกตา
    • การติดเชื้อในดวงตา (endophthalmitis)
    • สูญเสียการมองเห็นบางส่วนหรือทั้งหมด

    การปฐมพยาบาลเบื้องต้น:

    • ห้ามขยี้ตา
    • ปิดตาด้วยผ้าสะอาดหรือที่ครอบตา
    • รีบนำส่งโรงพยาบาลทันที

    2. ศีรษะและสมอง

    ความเสี่ยง:
    ศีรษะมีเส้นเลือดและเส้นประสาทจำนวนมาก หากถูกวัตถุแหลมแทงทะลุ กะโหลกศีรษะอาจได้รับบาดเจ็บและส่งผลโดยตรงต่อสมอง

    อันตราย:

    • เลือดออกในสมอง
    • กระโหลกศีรษะแตก
    • สูญเสียสติหรือความจำ
    • เสียชีวิตในกรณีรุนแรง

    การปฐมพยาบาลเบื้องต้น:

    • ห้ามดึงวัตถุที่ปักออกมาเอง
    • ใช้ผ้าสะอาดกดรอบ ๆ แผลหากมีเลือดออก
    • รีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด

    3. คอ

    ความเสี่ยง:
    คอมีเส้นเลือดใหญ่ เช่น หลอดเลือดคาโรติด (carotid artery) และหลอดเลือดดำใหญ่ รวมถึงหลอดลมและหลอดอาหาร การถูกทิ่มแทงที่คออาจเป็นอันตรายร้ายแรงทันที

    อันตราย:

    • เลือดออกมากและหยุดยาก
    • เสี่ยงต่อการขาดอากาศหายใจ
    • การบาดเจ็บต่อเส้นประสาทสำคัญ

    การปฐมพยาบาลเบื้องต้น:

    • กดห้ามเลือดบริเวณรอบ ๆ แผลด้วยผ้าสะอาด
    • ห้ามกดแรงเกินไปจนปิดทางหายใจ
    • รีบนำส่งโรงพยาบาลทันที

    4. หน้าอก

    ความเสี่ยง:
    ภายในช่องอกมีหัวใจ ปอด และหลอดเลือดใหญ่ วัตถุแหลมที่แทงเข้าหน้าอกอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจบาดเจ็บหรือปอดทะลุได้

    อันตราย:

    • เลือดออกในช่องอก (hemothorax)
    • ปอดรั่วหรือยุบตัว (pneumothorax)
    • การบาดเจ็บต่อหัวใจหรือหลอดเลือดใหญ่

    การปฐมพยาบาลเบื้องต้น:

    • ห้ามดึงวัตถุออก
    • ปิดแผลด้วยผ้าที่สะอาดและกันอากาศรั่วเข้า
    • รีบส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด

    5. ช่องท้อง

    ความเสี่ยง:
    ช่องท้องมีอวัยวะสำคัญหลายอย่าง เช่น ตับ ม้าม ลำไส้ กระเพาะอาหาร และไต หากถูกแทงอาจเกิดการฉีกขาดภายในโดยไม่เห็นจากภายนอก

    อันตราย:

    • เลือดออกภายในช่องท้อง
    • การติดเชื้อจากการทะลุของลำไส้
    • ภาวะช็อกจากการเสียเลือด

    การปฐมพยาบาลเบื้องต้น:

    • ห้ามกดแรงหรือดึงวัตถุออกเอง
    • ใช้ผ้าสะอาดปิดแผล
    • รีบนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล

    6. มือและนิ้ว

    ความเสี่ยง:
    มือและนิ้วมีเส้นประสาทและเส้นเลือดเล็กจำนวนมาก หากถูกทิ่มแทงอาจทำให้เส้นเอ็นหรือเส้นประสาทเสียหาย

    อันตราย:

    • สูญเสียความสามารถในการขยับหรือลดความรู้สึกสัมผัส
    • เสี่ยงติดเชื้อหากแผลสกปรก
    • แผลอาจลุกลามจนต้องผ่าตัดแก้ไข

    การปฐมพยาบาลเบื้องต้น:

    • ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสะอาด
    • ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดรอบ ๆ
    • ปิดแผลด้วยผ้าก๊อซสะอาด
    • หากบวมและเจ็บมาก ควรพบแพทย์

    7. เท้า

    ความเสี่ยง:
    การเดินเท้าเปล่าอาจทำให้ถูกตะปูหรือเศษแก้วทิ่มแทง เท้ามีเส้นเลือดและเส้นประสาทจำนวนมาก อีกทั้งเป็นบริเวณที่สัมผัสสิ่งสกปรกบ่อย

    อันตราย:

    • เสี่ยงติดเชื้อรุนแรง โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวาน
    • แผลลึกอาจทำให้เอ็นและกระดูกบาดเจ็บ
    • การเดินผิดปกติหากไม่ได้รับการรักษา

    การปฐมพยาบาลเบื้องต้น:

    • ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดทันที
    • ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดรอบ ๆ
    • ปิดแผลและหลีกเลี่ยงการเดินลงน้ำหนัก
    • รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจว่ามีเศษวัสดุค้างอยู่หรือไม่

    แนวทางการป้องกัน

    • สวมรองเท้าและถุงมือเมื่อทำงานที่เสี่ยงต่อการสัมผัสวัตถุแหลม
    • ใช้อุปกรณ์ป้องกันตาเมื่อทำงานที่เกี่ยวข้องกับโลหะหรือเศษไม้
    • เก็บกวาดพื้นที่ให้สะอาด หลีกเลี่ยงเศษแก้วหรือโลหะตกค้าง
    • ดูแลวัสดุที่มีสนิม ไม่ปล่อยให้เป็นอันตรายรอบบ้าน
    • ฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักตามกำหนด

    ตัวอย่างเหตุการณ์จริงในชีวิตประจำวัน

    การบาดเจ็บจากเศษแหลมสามารถเกิดขึ้นได้แทบทุกสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่น

    1. การทำงานก่อสร้าง
      คนงานที่เดินบนพื้นที่มีตะปูหรือลวดเหล็กที่หล่นอยู่โดยไม่สวมรองเท้านิรภัย อาจถูกตะปูทิ่มทะลุฝ่าเท้า บางครั้งตะปูสนิมทำให้เกิดการติดเชื้อบาดทะยักซึ่งอันตรายร้ายแรง
    2. การทำสวนหรือเก็บไม้
      ขณะเก็บเศษไม้หรือกิ่งไม้ที่หัก อาจมีเสี้ยนหรือกิ่งแหลมปักเข้ามือและแขน หากเศษไม้สกปรก แผลเล็ก ๆ ก็สามารถติดเชื้อและบวมแดงได้
    3. การเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง
      เด็กหรือผู้ใหญ่ที่เล่นในสนามที่ไม่ได้รับการดูแล เช่น สนามหญ้าที่มีเศษแก้วหรือเหล็ก อาจถูกทิ่มแทงที่เท้า มือ หรือขา
    4. อุบัติเหตุในบ้าน
      การทำงานบ้าน เช่น เก็บกวาดเศษแก้วจากขวดที่ตกแตก หรือซ่อมเฟอร์นิเจอร์ไม้ ก็อาจทำให้เสี่ยงถูกเศษแก้วหรือเสี้ยนไม้ปักเข้าไปในผิวได้ง่าย
    5. อุบัติเหตุจากการขับขี่
      หากเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์หรือจักรยาน ล้มลงบนถนนที่มีเศษหินหรือเศษโลหะ อาจทำให้ถูกทิ่มแทงเข้าบริเวณเข่า ศอก หรือฝ่ามือ

    การดูแลหลังถูกเศษแหลมทิ่มแทง

    แม้แผลจะดูเล็ก แต่การดูแลหลังการบาดเจ็บมีความสำคัญมาก เพื่อป้องกันการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อน

    1. ทำความสะอาดทันที
      ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดไหลผ่านอย่างน้อย 5–10 นาที เพื่อลดสิ่งสกปรกที่อาจเข้าไป
    2. ใช้ยาฆ่าเชื้อ
      เช็ดรอบแผลด้วยแอลกอฮอล์ 70% หรือไอโอดีน หากมีเศษวัสดุติดอยู่ให้พยายามนำออกด้วยแหนบหรือเข็มที่ฆ่าเชื้อแล้ว แต่หากลึกควรไปพบแพทย์
    3. ห้ามดึงออกถ้าวัตถุยังปักอยู่
      หากมีเศษแหลมขนาดใหญ่ปักอยู่ เช่น ตะปูหรือเหล็ก ห้ามดึงออกเอง เพราะอาจทำให้เลือดออกมากขึ้น ควรตรึงให้นิ่งและรีบนำส่งโรงพยาบาล
    4. ปิดแผลให้สะอาด
      ใช้ผ้าก๊อซหรือผ้าสะอาดปิดแผลเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกเพิ่มเติม
    5. สังเกตอาการ
      หากมีอาการปวดมาก บวม แดง มีหนอง หรือมีไข้ ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน
    6. การฉีดวัคซีนบาดทะยัก
      หากไม่แน่ใจว่าได้รับวัคซีนบาดทะยักครั้งล่าสุดเมื่อใด ควรไปพบแพทย์เพื่อพิจารณาการฉีดกระตุ้น

    ข้อควรระวังพิเศษ

    • ผู้ป่วยเบาหวาน: ต้องระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะแผลที่เท้า เพราะการหายของแผลช้าและเสี่ยงติดเชื้อรุนแรง
    • ผู้สูงอายุ: ผิวหนังและระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หากถูกเศษแหลมทิ่มแทงควรดูแลทันที
    • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด: หากได้รับบาดเจ็บ แม้เพียงเล็กน้อย อาจมีเลือดออกมากและหยุดยาก

    การป้องกันในชีวิตประจำวัน

    แม้การปฐมพยาบาลหลังถูกเศษแหลมทิ่มแทงจะสำคัญ แต่การป้องกันย่อมดีกว่า วิธีการง่าย ๆ ที่ช่วยลดความเสี่ยง ได้แก่

    1. สวมอุปกรณ์ป้องกัน
      • ถุงมือหนังหรือถุงมือยางหนาเมื่อทำสวนหรือซ่อมแซมบ้าน
      • รองเท้าเซฟตี้เมื่อทำงานก่อสร้างหรือในพื้นที่เสี่ยงมีเศษแหลม
    2. จัดการพื้นที่ให้ปลอดภัย
      • เก็บกวาดเศษแก้ว ตะปู หรือโลหะที่ตกอยู่เสมอ
      • ตรวจสอบเฟอร์นิเจอร์ไม้และพื้นไม้ในบ้าน ป้องกันการเกิดเสี้ยน
    3. ใช้อุปกรณ์อย่างระมัดระวัง
      • เมื่อใช้เครื่องมือช่างที่มีคม ควรมีพื้นที่วางเก็บที่ปลอดภัย
      • หลีกเลี่ยงการทิ้งเศษแก้วหรือโลหะโดยไม่แยกทิ้ง
    4. ดูแลสุขภาพทั่วไป
      • ฉีดวัคซีนบาดทะยักตามกำหนด
      • รักษาสุขอนามัยและความสะอาดร่างกายเพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อ

    ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหากละเลย

    หากการบาดเจ็บจากเศษแหลมไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพได้หลายอย่าง เช่น

    • การติดเชื้อบาดทะยัก (Tetanus): เกิดจากเชื้อแบคทีเรียในดินหรือสนิมที่เข้าสู่บาดแผล อาจทำให้กล้ามเนื้อเกร็งรุนแรงและอันตรายถึงชีวิต
    • การติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis): หากเชื้อโรคแพร่เข้าสู่กระแสเลือด อาจทำให้เกิดอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
    • การบาดเจ็บต่อเส้นประสาทหรือเส้นเอ็น: ทำให้สูญเสียการเคลื่อนไหวหรือต้องผ่าตัดแก้ไข
    • แผลเรื้อรังหรือเนื้อตาย (Necrosis): โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวานที่แผลหายช้า

    แนวทางการรับมืออย่างปลอดภัย

    1. ตั้งสติเมื่อเกิดเหตุ
      ความตกใจมักทำให้เราตัดสินใจผิด เช่น รีบดึงวัตถุออกโดยไม่ระวัง ซึ่งอาจทำให้เสียเลือดมากขึ้น
    2. ใช้หลักสะอาด ปลอดเชื้อ ปลอดภัย
      ทุกขั้นตอนควรคำนึงถึงความสะอาดของมือ อุปกรณ์ และผ้าพันแผล
    3. รู้ว่าเมื่อใดควรหยุดและไปโรงพยาบาล
      • หากวัตถุยังคงปักคาอยู่
      • หากเลือดออกมากหรือหยุดไม่ได้
      • หากเป็นบริเวณเสี่ยง เช่น ดวงตา ศีรษะ คอ หน้าอก และช่องท้อง
    4. เตรียมพร้อมล่วงหน้า
      ทุกบ้านควรมีกล่องปฐมพยาบาลที่ประกอบด้วยแหนบ เข็ม น้ำยาฆ่าเชื้อ พลาสเตอร์ และผ้าก๊อซ เพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน

    บทส่งท้าย

    เศษแหลมไม่ว่าจะเป็นแก้ว ไม้ โลหะ หรือหิน ล้วนสามารถสร้างอันตรายได้มากกว่าที่คิด โดยเฉพาะเมื่อไปปักในบริเวณที่สำคัญของร่างกาย เช่น ดวงตา ศีรษะ คอ หน้าอก ช่องท้อง มือ และเท้า แม้แผลจะเล็ก แต่ก็มีโอกาสก่อให้เกิดการเสียเลือด การติดเชื้อรุนแรง หรือความพิการถาวรได้

    การรู้จักปฐมพยาบาลอย่างถูกต้อง การสังเกตอาการผิดปกติ และการรีบไปพบแพทย์เมื่อจำเป็น คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยป้องกันอันตราย นอกจากนี้การสวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน ดูแลพื้นที่อยู่อาศัย และรักษาความสะอาด ยังเป็นวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงได้ดีที่สุด

    ท้ายที่สุดแล้ว การเตรียมพร้อมและการตระหนักถึงอันตรายจากเศษแหลมคือการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยขั้นพื้นฐานที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม

    บริเวณ ร่างกาย ที่มีความเสี่ยงสูงและอันตรายหากถูกเศษแหลมทิ่มแทง อาการ นอนไม่หลับ (Insomnia) เป็นปัญหาที่ส่งผลต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งอาจเกิดจากความเครียด ความวิตกกังวล หรือพฤติกรรมที่ไม่เห โรคหืดหลอดลมในผู้สูงอายุ: ความท้าทายในการวินิจฉัยและการจัดการ
    Daniel Walker

    Related Posts

    คู่มือการอดอาหารอย่าง ปลอดภัย เพื่อสุขภาพระยะยาว

    September 2, 2025

    อัลเกววา บลู เลค: อัญมณีลับสำหรับนักดูดาวใน โปรตุเกส

    September 1, 2025

    Cotswolds Way: เส้นทางเดินเท้าชม หมู่บ้าน ที่ สวยงามที่สุดในอังกฤษ

    August 31, 2025

    Comments are closed.

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.